คลิกอ่านเรื่องย่อตอนละคร :

เรื่องย่อพระสุธน-มโนห์รา

     พระเจ้าอาทิตยวงศ์ กษัตริย์แห่งเมืองปัญจาลนคร พระมเหสีชื่อพระนางจันทราเทวี ต่อมาพระมเหสึประสูติพระราชโอรส ก็บังเกิดขุมทองสี่ขุมขึ้นที่มุมปราสาทสี่มุม พระเจ้าอาทิตยวงศ์จึงประทานนามว่า " พระสุธน " (แปลว่ามีทรัพย์ประเสริฐ-มีทรัพย์มาก) บ้านเมืองก็เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก พระสุธนราชกุมารก็ศึกษาวิชาการ มีฝีมือทางการยิงธนู

     วันหนึ่งนายพรานบุณฑริกชาวเมืองปัญจาลนครเข้าไปล่าสัตว์ในป่าลึก พบกลุ่มนางกินนรพี่น้องเจ็ดตนมาเล่นน้ำที่สระอโนดาต นายพรานแอบเก็บปีกหางของนางกินนรไว้ชุดหนึ่ง เมื่อนางกินนรทั้งเจ็ดเมื่อเล่นน้ำเสร็จก็กลับขึ้นมาใส่ปีกใส่หาง นางมโนห์ราน้องสาวคนสุดท้องหาปีกหาหางของตนไม่พบจึงไม่สามารถบินกลับได้ พี่ ๆ ทั้งหกก็จำต้องทิ้งนางไป

      พรานบุณฑริกจึงนำบ่วงมาคล้องนางไปและนำไปถวายพระสุธน พระสุธนยินดีมากจึงประทานทองคำและแก้วแหวนเงินทองให้แก่นายพราน พระเจ้าอาทิตยวงศ์และนางจันทราเทวีก็จัดงานอภิเษกสมรสพระสุธนกับนางมโนห์รา

     ต่อมามีข้าศึกยกมาตีเมืองปลายเขตแดน พระสุธนจึงต้องยกทัพไปปราบ พราหมณ์ปุโรหิตผู้หนึ่งซึ่งเคยคุ่นเคืองใจกับพระสุธนก็แกล้งเพ็ดทูลพระเจ้าอาทิตยวงศ์ว่านางมโนห์ราเป็นกาลกิณี ควรจะจัดบูชายัญเพื่อให้บ้านเมืองเป็นสุข พระเจ้าอาทิตยวงศ์ไม่เต็มพระทัย เพราะทรงทราบว่าดีนางมโนห์ราเป็นที่รักอย่างยิ่งของพระสุธน แต่ขัดข้อเสนอแนะของเสนาอำมาตย์ไม่ได้ จึงจำพระทัยจัดพิธีบูชายัญ นางมโนห์ราเมื่อทราบก็ยินยอมให้ฆ่าบูชายัญ แต่ขอปีกขอหางมาประดับเพื่อร่ายรำบูชา พระนางจันทราเทวีก็รีบนำปีกและหางของนางกินนรซึ่งพระสุธนฝากไว้มาให้ นางมโนห์ราร่ายรำแล้วบินหนีบินกลับไปยังเขาไกรลาสถิ่นที่อยู่

     ระหว่างทางมโนราห์ได้แวะมากราบพระฤๅษีกัสสปในป่า และฝากผ้ากัมพลและพระธำมรงค์ ผงวิเศษ และใบไม้วิเศษไว้ให้พระสุธน และได้ฝากความไปถึงพระสุธนว่าไม่ควรตามนางไปเพราะหนทางยากลำบากมาก แล้วนางมโนห์ราก็กราบลาพระฤษีบินกลับไปยังเขาไกรลาส ท้าวทุมราชบิดาของนางถึงแม้จะยินดีที่นางกลับมาแต่เนื่องจากนางไปอยู่โลกมนุษย์เป็นเวลานาน จึงให้นางอยู่ในปราสาทแยกไปต่างหาก และเมื่อครบเจ็ดวันตามเวลาของเขาไกรลาสก็จะทำพิธีมงคลชำระสระสรงเพื่อให้นางมดกลิ่นสาบของมนุษย์

      ฝ่ายพระสุธนเมื่อชนะศึกกลับพระนคร และรู้ว่านางมโนห์ราบินหนีไปแล้วก็เสียพระทัยมาก รีบทูลลาพระราชบิดาและพระราชมารดาเพื่อติดตามนางมโนห์รา พระสุธนเดินทางไปพบพระฤๅษีกัสสปและได้ทราบความที่นางฝากไว้ พระสุธนมิได้ย่อท้อ ออกเดินทางและต้องผ่านอุปสรรคแสนสาหัส ไม่ว่าจะเป็นฝูงนกนกหัสดีลิงค์ (นกยักษ์) พญาคชสาร ภูเขาพินาศ (ภูเขาที่จะกระทบกันทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว) พญายักษ์ พญางูเหลือม ผีเสื้อสมุทร และป่าหวาย พระสุธนต้องใช้เวลาเดินทางนานถึง 7 ปี 7 เดือน และ 7 วัน ก็มาถึงเขาไกรลาส พระสุธนจึงซ่อนตัวอยู่ที่ใต้ต้นไม้ริมสระน้ำ ไม่ช้าก็มีนางกินรีบริวารถือหม้อทองคำมาตักน้ำที่สระ พอถึงคนสุดท้ายพระสุธนก็บันดาลให้นางยกหม้อทองคำไม่ขึ้น แล้วออกมาช่วยยกให้และได้แอบใส่พระธำรงค์ ลงในหม้อน้ำนั้น

      เมื่อนางกินรีบริวารสรงน้ำให้นางมโนห์ราถึงนางกินรีคนสุดท้ายรดน้ำเหนือศีรษะนางมโนห์รา พระธำรงค์ก็หล่นลงมากับสายน้ำ นางมโนห์รายกมือขึ้นลูบหน้าแหวนธำรงค์ก็สวมเข้าที่นิ้วก้อยพอดี นางทราบทันทีว่าพระสุธนตามมาถึงแล้ว จึงให้นางกินรีดูแลพระสุธน และส่งเครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับไปให้ แล้วนางมโนห์ราก็นำความทูลพระบิดาและพระมารดา ท้าวทุมราชจึงให้พระสุธนมาเข้าเฝ้าและให้แสดงฝีมือยิงธนู ซึ่งเป็นที่ถูกพระทัยท้าวทุมราช แต่ก็ยังมีการทดสอบอีกขั้นหนึ่ง โดยให้พระธิดาทั้งเจ็ดพระองค์แต่งกายงดงามเหมือนกันและมานั่งสลับกันอยู่ ท้าวทุมราชให้พระสุธนชี้นางมโนห์ราให้ถูกต้อง ธิดาทั้งเจ็ดองค์เหมือนกันมากจนยากที่จะชี้ตัวได้ พระสุธนจึงตั้งสัจจาธิษฐานว่า ถ้าในชาติก่อนไม่เคยคบหากับภรรยาของผู้อื่นมีจิตใจมั่นคงที่นางคนเดียวแล้ว ขอให้จำนางได้ พระอินทร์จึงแปลงกายเป็นแมลงวันทองบินรอบศีรษะนางมโนห์รา

     พระสุธนก็ชี้นางมโนห์ราได้ถูก ท้าวทุมราชมีความยินดีจัดงานอภิเษกพระสุธนกับนางมโนห์รา แล้วพระสุธนก็ขอลาท้าวทุมราชพานางมโนห์รากลับไปเมืองปัญจาลนคร พระอาทิตยวงศ์ดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จัดการตกแต่งพระนคร และทำการอภิเษกพระสุธนกับนางมโนห์ราให้ครองราชสมบัติเมืองปัญจาลนคร สืบต่อไป.

 
www.broadcastthai.com